การฝึกทักษะจากวิดีโอ Phrasal verb
การฝึกทักษะทางภาษา มี 4
ทักษะที่สำคัญได้แก่ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน
และทักษะการเขียนจะต้องฝึกฝนเพื่อพัฒนาตนให้มีความสามารถในการที่จะสื่อสารกับชาวต่างชาติหรือเจ้าของภาษาได้
ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้คนส่วนมากมีความสามารถทางด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษระดับที่ดี
แต่ทักษะการพูดและการฟังกลับมีปัญหา ฟังไม่เข้าใจ และไม่สามารถพูดได้ โดยเฉพาะทักษะการฟัง
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด และพัฒนายากที่สุด
พบว่าคนส่วนใหญ่มีปัญหาในการฟังภาษาอังกฤษ และคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากจนเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อภาษาอังกฤษ
เมื่อเจอกับเจ้าของภาษาจึงกลัวที่จะพูดด้วยเพราะฟังไม่ออก ซึ่งสาเหตุที่ภาษาอังกฤษฟังยาก
เนื่องจากคำศัพท์จำนวนมากออกเสียงไม่ตรงตามรูปที่เขียน ตอนพูดจะเชื่อมคำเข้าด้วยกัน
ทำให้ฟังยาก เวลาเรียนภาษาอังกฤษ
ส่วนใหญ่จะมีการอ่านเยอะแต่ฟังน้อย ก็เลยฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง
เมื่อเห็นปัญหาดังกล่าว ดังนั้นในสัปดาห์นี้จึงเป็นการฝึกทักษะการฟังจากวิดีโอ
ซึ่งการฝึกครั้งนี้จะทำให้ได้เทคนิคการฟัง และได้รับความรู้จากการดูวีดีโอด้วย
ในการฟังภาษาอังกฤษนั้น
เราสามารถทำได้โดยมีเทคนิควิธีการเป็นขั้นตอนดังต่อไปนี้ ขั้นแรกเริ่มจากการเลือกวิดีโอที่สนใจก่อน
เพราะหากเราฟังในสิ่งที่เราไม่ได้สนใจ
จะทำให้เราเกิดความเบื่อหน่ายและความสำเร็จในการฟังก็จะไม่เกิด
ในการฝึกทักษะครั้งนี้จะเป็นการฝึกฟังซ้ำๆ หลายครั้ง ซึ่งการฝึกฟังครั้งแรก
ขณะที่เปิดดูวิดีโอนั้นให้หยุดเล่นวิดีโอทุก 5 วินาทีและจดคำหรือวลีที่เราฟังออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
เมื่อดูจบทั้งหมดแล้วให้ดูในสิ่งที่เราจดว่าพอจะจับใจความสำคัญในสิ่งใดได้บ้าง
หลังจากนั้นฟังครั้งที่ 2 โดยการทำแบบเดิม
โดยขณะฟังก็พยายามแก้ไขสิ่งที่เราจดให้ถูกต้องมากขึ้น เพิ่มศัพท์ที่ยังไม่ได้เขียน
หลังจากนั้นเขียนเรียบเรียงข้อมูลให้เป็นประโยค โดยลองใช้ความรู้ด้านไวยากรณ์ปะติดปะต่อคำและวลีต่างๆ
เข้าด้วยกันจะได้เป็นกระดาษบันทึกใบแรก ต่อมาให้เก็บกระดาษบันทึกใบแรกไว้และดูวิดีโอเดิมอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ให้หยุดวิดีโอทุกๆ 10 วินาที แล้วเขียนสิ่งที่ได้ยินออกมาเหมือนเดิม
จากนั้นลองนำมาเปรียบกับใบก่อนเพื่อดูความแตกต่าง และฟังอีกครั้งพร้อมเปิดคำบรรยายเพื่อตรวจว่าเราจดได้ตรงตามคำบรรยายได้แค่ไหน
จากนั้นวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่เราฟังไม่ออกเกิดจากอะไร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง
อาจเป็นเพราะออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่รู้จักคำศัพท์ เป็นต้น และแก้ไขตนเอง
การฝึกทักษะการฟังครั้งนี้
ได้เลือกฝึกจากการดูวิดีโอ เรื่อง Phrasal verb: let (someone) in on
(something) ของช่อง JenniferESL ในยูทูป ซึ่งผู้ฝึกฟังจะได้ความรู้เพิ่มในเรื่องของไวยากรณ์ไปด้วย
เนื้อหาในวิดีโอจะสอนเรื่องของ Phrasal verb คือคำกริยาที่นำมารวมแล้วกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง
ในวิดีโอกล่าวว่าในภาษาอังกฤษมี Phrasal verb
มากมายเราไม่สามารถเรียนรู้เรื่องนี้ทั้งหมดภายในเวลาอันสั้นแต่เราก็สามารถเรียนในตัวที่ใช้บ่อยๆได้
โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 20 วันซึ่งในวิดีโอนี้จะเป็นวันแรกในการสอน
โดยสอนคำว่า let (someone) in on (something) ซึ่งหมายถึงการบอกบางสิ่งบางอย่างที่เป็นความลับและพิเศษแก่ใครบางคน
โดยขึ้นต้อนด้วย let กับคนที่ต้องการบอกความลับ ตามด้วย in
on และสิ่งที่ต้องการจะบอก โดยในช่วงแรกจะขึ้นประโยค I said
“I getting let you in on a secret ”มาเป็นตัวอย่างและถามว่าการใช้ประโยคนี้ต้องการสื่อถึงอะไร
โดยให้ตัวเลือกมาให้เราเลือกตอบด้วย จากนั้นจึงอธิบายและยกตัวอย่าง
ในวิดีโอนี้เจ้าของภาษาผู้สอนในวิดีโอนี้พูดไม่เร็วมาก
ออกเสียงชัดจึงและง่ายต่อการฟัง ทำให้เข้าใจว่าคนในวิดีโอพูดเรื่องอะไร
ในการฝึกการฟังครั้งนี้
เมื่อลองทำตามเทคนิคดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น พบว่าในการบันทึกประโยคที่ได้ฟังตรวจความถูกต้องโดยการเปิดวิดีโอพร้อมเปิดคำบรรยาย
ซึ่งเมื่อตรวจมีความถูกต้องประมาณ 30% เพราะส่วนใหญ่ไม่มีคำนำหน้า
(article) และมีหลายคำที่ฟังผิดเป็นอีกคำ เช่น คำว่า allow ได้ยินเป็นคำว่า around คำว่า or เป็นคำว่า all เป็นต้น
ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ปัญหาว่าตนมีความบกพร่องส่วนของการออกเสียงของคำไม่ถูกต้อง
ในแต่ละคำเราคาดหวังว่าเจ้าของภาษา จะออกเสียงตามที่เราอ่านซึ่งคำบางคำก็ออกเสียงผิดมาโดยตลอด
แต่เขาออกเสียงอีกเสียงหนึ่งที่ถูกต้อง ส่งผลทำให้ฟังไม่เข้าใจ
ดังนั้นเราสามารถแก้ไขได้โดยการพยายามฝึกการออกเสียงให้คล้ายกับเจ้าของภาษาเพื่อให้คุ้นชินกับสำเนียงของเจ้าของภาษา
และเมื่อฟังสามารถเดาจากน้ำเสียงว่าน่าจะพูดอะไร
ซึ่งเป็นการฝึกทักษะการพูดได้อีกด้วย
ดังนั้นตัวของข้าพเจ้าจึงต้องฝึกทักษะการฟังให้มากขึ้น บ่อยขึ้น
เพื่อให้เกิดการคุ้นชิน และเมื่อเราฟังจะสามารถเข้าใจได้อย่างอัตโนมัติ
เพราะการที่เราจะมีทักษะทางภาษาที่ดีนั้น ไม่สามารถจะเกิดขึ้นจากการฝึกครั้งเดียวได้
ต้องฝึกซ้ำๆและสม่ำเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น