29/10/15
อบรมเชิงปฏิบัติการ
เรื่อง เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ
วันที่
29 ตุลาคม 2558
(ช่วงเช้า)
ในการอบรมวันนี้
เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการที่ได้จัดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชและ
สมาคมครูผู้สอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย (TESOL) โดยผู้เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้จะเป็นครูผู้สอนภาษาอังกฤษในภาคใต้
และนักศึกษาคณะครุศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 3
ซึ่งการจัดอบรมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาครูและนักศึกษาให้มีแนวคิดใหม่ๆในการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้
ในการอบรมครั้งนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ
ซึ่งในการสอนปัจจุบันนั้นจะต้องรวมทั้งทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน พร้อมกัน
ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ในการอบรมช่วงเช้านี้จะมีการสัมมนาเรื่อง Beyond Language Learning และการบรรยายเกี่ยวกับเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษ
เริ่มแรกเป็นการสัมมนาในหัวข้อ “Beyond
Language Learning” เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่าง ดร.สุจินต์ หนูแก้ว อ.สุนทร บุญแก้ว และ ผศ.ดร.
ประกาศิต โดยเริ่มจากผศ.ดร.
ประกาศิตซึ่งได้พูดถึงการสอนภาษาอังกฤษในปัจจุบันว่า ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้นมีจุดประสงค์ที่มากกว่าจะใช้สื่อสารอย่างเดียว
หลายๆประเทศพยายามพัฒนาพลเมืองให้สามารถพูดภาษาอังกฤษ
และแสดงความรู้ในวิชาการอื่นๆและทำงานได้
ทำให้เกิดเทคนิคการเรียนการสอนแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่น การสอนแบบ Problem
Base Learning (PBL) ซึ่งการสอนจะประกอบไปด้วย 5C ได้แก่ Communication คือ การพูดติดต่อสื่อสาร
Culture คือ มีความเข้าใจในเรื่องของวัฒนธรรมของการใช้ภาษา
Connection เรียนภาษาอังกฤษเพื่อใช้กับวิชาอื่นๆได้ Comparison
คือ การเปรียบเทียบภาษาและวัฒนธรรมของเราและกับต่างประเทศ และ Communitive คือ ภาษาท้องถิ่น ซึ่งครูต้องหาวิธีที่จะสอนให้ผู้เรียนมีทักษะภาษาและทักษะอื่นๆพร้อมกัน
จากนั้น ดร.สุจินต์
หนูแก้ว ได้บรรยายเกี่ยวกับงานวิจัยที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ว่า เนื่องจากการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในปัจจุบันนักเรียนจะต้องเรียนรู้ทักษะหลายด้านเพื่อที่จะเป็นพลเมืองที่มีประสิทธิภาพในยุคศตวรรษที่
21 ที่มีคุณลักษณะ 7C ได้แก่ Critical
Thinking, Creative, Culture, Co-operation, Communication, Computing, Caria and
Learning skill และมีความสามารถพื้นฐานได้แก่
การอ่านเขียน และคิดคำนวณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะเห็นได้ว่าการที่เราจะได้ข้อมูลมานั้นก็ต้องผ่านจากการอ่าน
ดังนั้น ดร.สุจินต์ และคณะจึงได้ทำงานวิจัยชิ้นหนึ่ง เป็นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
ซึ่งท่านค้นพบว่าเด็กไทยในปัจจุบันนั้นขาดทักษะการคิดวิเคราะห์ รับข้อมูลโดยไม่ได้ไตร่ตรองทำให้เกิดความปั่นป่วนในสังคม
ท่านจึงพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียนโดยใช้ชุดฝึกหัดการคิดวิเคราะห์ ซึ่งประกอบไปด้วยการจำแนก
การจัดกลุ่ม การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ การให้พยากรณ์ คาดคะเน และการคาดการณ์ เพื่อให้ผู้เรียนมีการคิดวิเคราะห์และรู้เท่าทันของข้อมูล
ในส่วนของ อ.สุนทร
บุญแก้ว ท่านได้พูดถึงการทำให้ผู้เรียนมีความพร้อมที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ซึ่งท่านได้ลองใช้การเรียนรู้แบบ Problem Based Learning (PBL) เป็นการนำเสนอปัญหาและวิธีแก้ไขโดยใช้ภาษาอังกฤษในการถ่ายทอดความรู้ เช่น
ให้นักเรียนช่วยกันหาสาเหตุที่ทำให้ชาวต่างชาติท้องเสียจากการรับประทานอาหารอีสาน
ซึ่งวิธีการเรียนแบบไม่ค่อยได้ผลเท่าที่ควร ซึ่งได้เห็นจากปัจจุบันยังมีนักศึกษาบางส่วนที่ยังมีทักษะทางด้านภาษาไม่ดีเท่าที่ควร
เช่น อ่านออกเสียงไม่ถูกต้อง ไม่กล้าพูด และเขียนภาษาอังกฤษไม่เป็น
จึงไม่สามารถนำเสนอข้อมูลวิธีแก้ปัญหาได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมไม่ได้เอื้อให้นักศึกษาเหล่านั้นได้ใช้ภาษาอังกฤษจริงเตรียมความพร้อมนักศึกษาโดยให้นักศึกษาได้ไปใช้ชีวิตในประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์เป็นเวลา
3 วันซึ่งจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
และเรียนภาษาอังกฤษที่นั่นโดยใช้หลักการใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นเรื่องใกล้ตัว
ใช้ซ้ำๆบ่อย ผู้เรียนจะต้องมีโปรเจ็คในสิ้นเดือน คือจัดการแสดงมา 1 ชุดโดยต้องหาทุนจาการขายอาหารให้ชาวมาเลย์ ชนพื้นเมืองแถบนั้น
ซึ่งนักเรียนจะได้เรียนภาษาอังกฤษจากการทำงาน และเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษา
และสุดท้ายคือการพานักเรียนไปปล่อยที่จุดๆหนึ่งในสิงคโปร์
และให้หาทางกลับที่พักเองตามเวลากำหนด
ซึ่งนักเรียนจะต้องใช้ภาษาอังกฤษถามทางและสื่อสารต่างๆเพื่อให้ถึงที่พัก
ทำให้ผู้เรียนได้ทั้งทักษะภาษาและทักษะชีวิต
และเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แต่ในการจัดโครงการแบบนี้ต้องใช้งบประมาณเยอะ
ต่อมาเป็นการบรรยายโดย ผศ.ดร. ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ได้พูดถึงเหตุผลของการเรียนภาษาอังกฤษ
ทำไมภาษาอังกฤษถึงสำคัญแม้จะไม่ได้เป็นภาษาที่คนใช้มากที่สุดก็ตาม
ซึ่งเหตุผลนั้นคือภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในอินเทอร์เน็ต
เพราะตอนนี้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น
ทำให้คนเห็นความสำคัญของการใช้ภาษามากขึ้นและเมื่อเวลาผ่านไปก็จะมีคำศัพท์ใหม่เพิ่มมากขึ้น
เช่น photobomb hipster หรือ selfie
ในประเทศไทยก็มีคำที่เป็นภาษาอังกฤษมาใช้แต่จริงๆแล้วไม่มีในภาษาอังกฤษ
เช่น wash the film หรือล้างรูปแต่ที่จริงแล้วภาษาอังกฤษจะใช้
develop the film และคำศัพท์บางคำที่สอนในประเทศไทยแต่มักไม่ใช่ในสถานการณ์การสื่อสารจริง
เช่น delicious คนไทยจะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าแปลว่า “อร่อย”
แท้ที่จริงแล้วในภาษาอังกฤษจะใช้บรรยายอาหารที่หรูหราอลังการ เป็นอาหารภัตตาคาร
ไม่เคยกินมาก่อน ในชีวิตจริงถ้าอาหารอร่อยเพียงแค่พูดว่า It’s good,
Beautiful! หรือ Nice! ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปการเรียนการสอนก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อสอนในปัจจุบันถ้าเทียบภาษาอังกฤษเปรียบกับการป้อนอาหาร ในระดับอนุบาล ครูจะให้ข้าว
น้ำ ผลไม้ และของหวานครบ แต่สิ่งที่เด็กต้องทำคือกินเอง
พอประถมเราจะตัดของหวานซึ่งหมายถึงกิจกรรมออก ให้เด็กขวนขวายเอง
ชั้นมัธยมให้ดึงข้าวออกแต่ให้เมล็ดพันธุ์ข้าวไป เด็กจะต้องหุงข้าวเอง เช่น
การทำโครงงาน การเป็นครูที่ดีจะต้องเข้าหาพูดภาษาอังกฤษกับนักเรียน แปลให้ถูกต้อง
รู้ต้นกำเนิดของคำต่างๆเพื่อสามารถอธิบายเขาได้ สอนโดยให้ใช้สมองทั้ง 2 ซีก สอนให้เป็นเรื่องราว เช่น เพลง เอนิเมชั่น
จะทำให้เด็กจำได้นานมากกว่าการท่องจำ
จากการที่ได้อบรมช่วงเช้านี้ทำให้รู้ว่าครูภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบัน
ต้องสอนผู้เรียนให้มีทักษะหลายๆด้านไม่ใช่แค่ทักษะทางภาษาเพียงอย่างเดียว
เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะความสามารถตามทักษะ 7C ของคนในศตวรรษที่
21 ครูต้องสอนให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
ทำงาน และเรียนต่อได้ มีการคิดวิเคราะห์เป็น เห็นความสำคัญของการใช้ภาษา
สามารถถ่ายทอดความรู้แขนงอื่นโดยใช้ภาษาอังกฤษได้ และเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
และครูในปัจจุบันจะต้องมีความรู้รอบตัว เช่น ที่มาของคำศัพท์
และสอนโดยการใช้เทคนิควิธีที่หลากหลาย
สามารถพัฒนาสมองของผู้เรียนทั้งซีกซ้ายและขวา เช่น การใช้เพลง ภาพยนตร์
การ์ตูนเป็นสื่อการเรียนรู้ และที่สำคัญคือรู้วัฒนธรรมของการใช้ภาษาอังกฤษว่าคำไหนใช้กับสถานการณ์ใด
อยู่ในบริบทนี้ควรแปลอย่างไร เพื่อความหมายจะไม่ผิดเพี้ยนไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น