วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การฝึกทักษะจากหนังเรื่อง Frozen

การฝึกทักษะจากเรื่อง Frozen

            ในชีวิตประจำวันของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสังเกตได้ว่าภาษาอังกฤษนั้นอยู่รอบตัวเรานั้นเอง ไม่ว่าเราจะทำอะไรหรือไปที่แห่งใดเราก็มักจะเห็นอยู่เสมอและมีบทบาทเข้ามามากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะข้าพเจ้าซึ่งจะไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในอนาคต แน่นอนว่าทุกคนย่อมคาดหวังว่าครูภาษาอังกฤษจะต้องมีความรู้ดีเยี่ยมทั้งด้านไวยากรณ์ทางภาษา และมีทักษะภาษาทั้งการฟังพูด อ่าน และเขียนที่ดีเลิศ แต่เมื่อย้อนกลับมาประเมินตนเองแล้ว พบว่าตนเองยังด้อยในทักษะเหล่านี้มาก ดังนั้นจึงต้องพัฒนาตนเองโดยการค้นหาวิธีการต่างๆเพื่อฝึกทักษะภาษาให้กับตนเอง โดยในสัปดาห์นี้ข้าพเจ้าเริ่มต้นที่จะพัฒนาตนเองในด้านทักษะการพูดและการฟัง ผ่านการดูภาพยนตร์เรื่อง Frozen ซึ่งมีเรื่องย่อ เทคนิคการฝึก และสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้มากมาย


            Frozen เป็นการ์ตูนเอนิเมชั่น ความยาว 108 นาที เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิง 2 พี่น้องในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ คือ เอลซ่า ซึ่งมีพลังน้ำแข็งและน้องสาว แอนนา เอลซ่าหวาดกลัวพลังของตนเองและเอาแต่ขังตนเองในห้อง แอนนาต้องโดดเดี่ยวมานานเพราะพี่สาวไม่ยอมพูดคุยเข้าใกล้เธอ จนมาถึงวันราชาภิเษก ทั้งสองก็ได้พบกันและพูดคุยกันในรอบหลายปี แต่แอนนาพาฮานส์ซึ่งได้คุยกันแค่วันเดียวมาขออนุญาตให้แต่งงานกัน เอลซ่าไม่ยอมและทะเลาะกันจนแอนนาได้ดึงถุงมือเธอออกไปทำให้พลังวิเศษถูกเปิดเผย เอลซ่ากลัวพลังของตนเองจึงวิ่งหนีไปสร้างปราสาทใหม่ แต่ไม่รู้ว่าอาณาจักรได้ตกอยู่ท่ามกลางความเหน็บหนาว แอนนารู้สึกผิดจึงไปตามพี่สาวกลับมาแต่โดนเสกน้ำแข็งเข้าที่หัวใจ ฮานส์จับเอลซ่าขังในคุกและขังแอนนาไว้ในห้องและบอกแอนนาว่าที่ตนทำมาทั้งหมดเพื่อต้องการครองสมบัติ เมื่อฮานส์หมายจะฆ่าเอลซ่าแต่แอนนาก็เข้าป้องไว้แต่เธอกลายเป็นน้ำแข็ง เอลซ่ากอดน้องสาวเพราะความเสียใจแต่นั่นทำให้แอนนาหายปกติ และทำให้รู้ว่าความรักสามารถควบคุมพลังของเธอได้ จะเห็นได้ว่าเมื่อทราบเรื่องราวแล้วก็สามารถเริ่มเข้าสู่การฝึกได้ โดยมีเทคนิคต่างๆ
            ในการฝึกทักษะการฟังและการพูดจากการดูภาพยนตร์เรื่อง Frozen นี้ ข้าพเจ้ามีเทคนิคในการฝึกโดยในการดูภาพยนตร์รอบแรกข้าพเจ้าเปิดโดยไม่มีคำบรรยายภาษาไทยด้านล่าง ฟังภาษาอังกฤษอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องโดยข้าพเจ้าจะฟังและพยายามทำความเข้าใจเรื่องราวผ่านภาพก่อน ในขณะที่ดูนั้นเมื่อเห็นบทสนทนาบางตอนก็หยุดและลองพูดตาม ประโยค 2 - 3 ครั้งและกดดูซ้ำเพื่อฟังสำเนียงน้ำเสียงของผู้พูดว่าควรใช้อารมณ์ไหน เมื่อดีใจหรือเสียใจจะใช้น้ำเสียงอย่างไร โดยไม่ต้องสนใจความหมายของภาษามากนัก แต่เมื่อดูรอบที่สองให้เปิดพร้อมคำบรรยายภาษาไทย หรือถ้าให้ดีก็ควรเปิดคำบรรยายภาษาอังกฤษไปด้วยเพื่อที่จะได้เห็นรูปประโยค และจะทำให้เห็นได้ชัดมากขึ้นว่าตัวละครนั้นพูดคำว่าอะไรบ้าง เนื่องจากคำบางคำข้าพเจ้าฟังไม่ออกว่าตัวละครนั้นพูดอะไร และเมื่อเห็นประโยคที่น่าสนใจก็ให้จดบันทึกไว้ลงในสมุดซึ่งการดูภาพยนตร์ในรอบที่สองจะเป็นการดูเพื่อความเข้าใจและสังเกตความหมายของประโยคต่างๆ ซึ่งในการดูเรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้อะไรหลายอย่างเพิ่มมากขึ้น
            จากการได้ฟังภาษาอังกฤษจากการดูภาพยนตร์ทำให้ข้าพเจ้าได้ความรู้เพิ่มเติมมาเล็กน้อย เช่น ภาษาที่เขาใช้พูดกันจริงๆ เช่นคำว่า Why not? หรือ What’s going on? ที่แปลว่าเกิดอะไรเกิดขึ้น หรือสำนวนภาษาเช่น การเรียกเจ้าหญิงใช้คำว่าฝ่าพระบาทในภาษาอังกฤษใช้คำว่า majesty คำว่าขอตัวก่อนในภาษาอังกฤษใช้คำว่า excuse me a moment ได้ฝึกการพูดตามตัวละครซึ่งในแต่ละประโยคจะเน้นหนักของคำคำ มีการ Link คำมีการขึ้นเสียงสูงหรือต่ำเมื่อพูดจบประโยค เมื่อมาดูทางความหมายในประโยคของเรื่องนี้ มีหลายคำพูดที่มีความหมายดี ให้ข้อคิด และได้ให้ความประทับใจ เช่น “Love is putting someone else’s need before yours.” มีความหมายว่า ความรักคือการใส่ใจในความต้องการของคนอื่นก่อนความต้องการของตนเอง “Getting upset only makes it worse clam down” มีความหมายว่า อารมณ์เสียมีแต่จะทำให้มันแย่ลง ใจเย็นๆ เป็นต้น

            จากการฝึกครั้งนี้ ด้วยวิธีการดูภาพยนตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นวิธีการที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะนอกจากเราจะได้ฝึกทักษะทางด้านภาษาไปแล้วเรายังได้ความบันเทิงจากการเดินดูภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งเป็นการผ่อนคลายไปในตัวเพราะหากฟังข่าวหรือวิทยุจะทำให้รู้สึกเครียดและน่าเบื่อ การฝึกวิธีนี้ทำให้ได้ฟังสำเนียง การใช้สำนวนภาษาของเจ้าของภาษาจริงๆ ทั้งนี้ในการฝึกจะใช้เวลานาน ผู้ชมผู้ฟังต้องฟังอย่างตั้งใจไม่วอกแวก ไม่ควรดูรวดเดียวจบ ค่อยๆดูไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องใช้สมาธิในการดูและฟังมากกว่าปกติ ในการฝึกพูดก็ควรพูดออกเสียงและทำซ้ำ 2 - 3 รอบ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เราจดจำได้ดียิ่งขึ้น ในการฝึกครั้งนี้ทำให้เห็นถึงทักษะของตนเองที่ยังต้องหมั่นฝึกฝนอีกเยอะ เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านภาษาอังกฤษที่ดียิ่งขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น