วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บทที่ 2 จากมักกะห์ไปยังชากาเตย์

บทที่ 2
จากมักกะห์ไปยังชากาเตย์

            ผมได้มาถึงบ้านของลุงตั้งแต่เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น
            อย่างนั้น การเดินทางในทะเลครั้งแรกของลุงคือที่ไหนครับลุง ผมถาม
            ฟัง และฟังนะหลาน ลุงพูด จากนั้นเขาก็ได้เล่าเรื่องต่อจากครั้งที่แล้วว่า


            หลังจากที่ลุงไปเยือนเมืองมักกะห์ครั้งแรกนั้น ลุงก็ต้องการที่จะเห็นโลกภายนอกมากขึ้น ดังนั้นลุงจึงเดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ที่ชายฝั่งทะเลแดง และพวกเราได้แล่นเรือลงมาที่เมืองเยเมน ลมถูกพัดพาหนุนเรือพวกเราเป็นเวลา 2 วัน แต่ทันใดนั้นมันก็กลับตาลปัตร ทะเลนั่นสามารถบ้าคลั่งได้ อาห์เหม็ด มันเป็นนาทีที่เงียบสงบ และถัดมาก็เป็นความมืดมิดและโกรธเกรี้ยว
            ลมพายุพัดพาเรือลำน้อยของพวกเราขึ้นลงในน้ำ และลุงก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อพวกเราหยุดที่หมู่บ้านริมชายฝั่ง ลุงและเพื่อนๆก็ลงจากเรือ พวกเราได้สิ้นสุดการเดินทางไปยังเมืองแห่งเอเดนด้วยอูฐ
            พวกเราได้ยินเรื่องเล่าสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากมายในแอฟริกาใต้ ดังนั้นพวกเราจึงได้ขึ้นเรือลำใหม่แล่นเรือลงไปยังชายฝั่งแอฟริกา ดีนะที่ลุงไม่แย่เหมือนครั้งนั้น
            หลังจากที่พวกเราได้ไปเยือนถึงความแตกต่างของสถานที่ในแอฟริกาแล้ว หลังจากนั้นพวกเราได้แล่นเรือกลับไปยังอาระเบียตอนใต้เป็นบางเดือน จากนั้นพวกเราต้องการที่จะไปโอมาน ฉะนั้นพวกลุงจึงขึ้นเรือที่นั่น แต่พวกเราก็ต้องลงก่อนจะถึงที่หมายเพราะพวกเราไม่ชอบกะลาสีเรือในลำนั้น สิ่งที่ทำนั่นไม่ใช่สิ่งทีดี ลุงเพิ่งเข้าใจในคราวหลังนั่นเอง!
            ลุงและผองเพื่อนได้พบกับผู้นำทางและพวกเราได้เดินเท้าไปที่โอมาน ลุงมีกระเป๋าใบใหญ่บรรจุเสื้อผ้าราคาแพงของลุงไว้ ดังนั้นลุงจึงได้ฝากไว้ที่ผู้นำทางและเขาก็ได้ถือมัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทันใดนั้นชายคนนั้นก็วิ่งหนีไปพร้อมกับกระเป๋าของลุง! ลุงวิ่งตามเขาไปและใช้มีดจ่อใกล้หน้าเขาเมื่อจับเขาได้แล้ว หลานต้องดูยิ่งใหญ่โกรธคนที่ไม่ดีนะอาห์เหม็ด อย่าลืมเชียวล่ะ!
            ผู้นำทางก็ได้กลับมา แต่ตอนนั้นลุงได้เฝ้าเขาทั้งกลางวันและกลางคืน เขาคงต้องการจะฆ่าพวกลุงและฉกเอาของไป ลุงคิดว่าอย่างนั้นนะ หลังจากนานเป็นสัปดาห์เลยล่ะสำหรับการเดินทางเท้ามาถึงเมืองโอมาน พวกเราทั้งเหนื่อย หิวและกระหายน้ำ แต่ก็ปลื้มปิติมากที่ยังมีชีวิตรอด!
            หลังจากเมืองโอมาน ลุงก็ได้เดินทางไปยังเกาะแห่งบาห์เรน ลุงเห็นเหล่าเด็กหนุ่มในเรือลำเล็กที่นั่น บางคนในกลุ่มนั้นก็อายุราวๆหลานนี่แหละอาห์เหม็ด พวกเขาได้ยืนอยู่บนลำเรือ มองลงไปในทะเล และจากนั้นก็ดำดิ่งลงไปในทะเลเป็นเวลายาวนานเลยทีเดียว
            เมื่อพวกเขาขึ้นมาจากน้ำ ในมือพวกเขามีหอยอยู่ พวกเขาเปิดฝาหอยอย่างเร่งรีบด้วยมีด และอะไรอยู่ในหอยนั่นรู้ไหม? ไข่มุกมหัศจรรย์ เป็นไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดในโลกเลยเชียวล่ะ! ผู้คนยอมจ่ายเงินมหาศาลของเขากับสิ่งนี้หลานรู้หรือเปล่าล่ะ
            หลังจากเมืองบาห์เรน ลุงก็กลับมายังนครศักสิทธิ์แห่งมักกะห์เป็นเวลาแรมปี ที่นั่นลุงได้ยินเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้ครองเมืองผู้ร่ำรวยในอินเดีย มีผู้คนพูดกันว่าเขาจะให้งานกับผู้พิพากษาที่มาจากต่างแดน เช่นนั้นลุงจึงได้มองไปยังหนทางที่แตกต่างที่ท่องเที่ยวในอินเดีย ในตอนจบนั้น ลุงได้ข้ามไปยังประเทศซีเรีย จากนั้นก็ได้แล่นเรือขึ้นไปแอนโตเลีย ที่นั่นบางทีก็มีกองคาราวานใหญ่ที่จะเดินทางไปอินเดียจากที่นั่น เห็นไหมล่ะ
            ลุงมีการเดินทางข้ามไปยังแอนโตเนียที่ดีมากเลยล่ะ ในทุกๆหมู่บ้านชายหนุ่มจะให้พวกเราพักอาศัยในบ้านสำหรับนักท่องเที่ยว พวกเขาได้ให้สิ่งดีๆ อาหารและเครื่องดื่มแก่พวกเรามากมาย และเมื่อพวกเราออกจากที่นี่ ผู้คนทั้งหมู่บ้านต่างร้องไห้และกล่าวอำลาพวกเรา
            ลุงได้เดินขึ้นเหนือกับเหล่าสหายใหม่ บนทางขึ้นภูเขานั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ธรรมดาได้เกิดขึ้น บ่ายวันหนึ่งที่นั่นก็เต็มไปด้วยหิมะ เมื่อลุงมองกลับไปด้านหลังของลุง ลุงไม่สามารถหาทางกลับไปเจอสหายกลุ่มนั้นได้อีก
            ดังนั้น ลุงไปขอความช่วยเหลือโดยม้าของลุง หลังจากนั้นไม่นานลุงก็ได้มาถึงบ้านสีทึบหลังเล็กหลังหนึ่ง ลุงได้พูดกับชายที่หน้าประตูแต่เขาไม่เข้าใจลุง ดังนั้นเขาจึงเรียกเด็กหนุ่มมา และเมื่อลุงเห็นเขา ลุงรู้จักเขา เขาเป็นเพื่อนเก่าที่มาจากแทนเจียร์เหมือนกัน ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้! เขาช่วยลุงหาเพื่อนใหม่ที่พลัดหลงกัน และคืนนั้นเราได้พักที่บ้านของเขา คำทำนายของเบฮาน-อัล-ดินที่ว่า จะได้พบกับเพื่อนเก่าในการเดินทางนี้ก็เป็นจริง!
            จากนั้นพวกเราได้เดินทางไปที่ทะเลดำ แล่นเรือข้ามทะเลไปและได้เดินทางไปถึงเมืองแห่ง อัลกุรอาน ซึ่งเป็นประเทศเปิดและเต็มไปด้วยสีเขียว ผู้คนต่างพากันเรียกว่าสเตปเป พวกเราได้ยินอะไรบางอย่างที่น่าตื่นเต้นจากที่นั่น! คาราวานของผู้ปกครอง คาห์น อุซเบค จะตั้งอยู่ที่นี่เพียงสามวันเท่านั้น มันเป็นเมืองทีใหญ่โตด้วยร้านค้า มัสยิด และสถานที่สำหรับทานอาหารในนั้น  และมันจะย้ายไปเรื่อยๆจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
            ลุงได้พบกับผู้ครองเมือง คาห์น อุซเบค ด้วยล่ะ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่พร้อมด้วยภรรยาด้านข้างของเขา “บายาลัน” เธอมีสิ่งที่แตกต่างจากชาวคาราวาน พวกเราได้เดินทางไปกับกองคาราวานของเขาและลุงได้เรียนรู้เกี่ยวกับ บายาลัน บุตรสาวแห่งผู้ปกครองนครคอนสแตนด์ติโนเบิล เธอต้องการที่ไปเยือนบ้านเกิดของเธอ ดังนั้นท่านคาห์น อุซเบคจึงถามลุงว่า สามารถพานางไปด้วยได้ไหม ลุงมีความสุขมากกับการเดินทางกับกองคาราวานของแม่นางบายาลัน
            ณ นครคอนสแตนด์ติโนเบิล ลุงได้พักและไปเยือนยังสถานที่ที่สำคัญของที่นั่นทั้งหมดเป็นเวลาแรมเดือน จากนั้นลุงก็ได้เริ่มเดินทางอันยาวนานเพื่อกลับสู่ สเตปเป ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว มันช่วงที่มืดและอันตรายสำหรับนักเดินทางกลับ สเตปเป  ดังนั้นลุงจึงเดินทางลงใต้ไปยังประเทศชากาเตย์และได้พักกับครองเมืองที่นั่น
            ลุงของผมได้หยุดเล่า และเริ่มหลับตาลง
            แล้วลุงได้ไปที่อินเดียหรือเปล่าครับ ผมถาม
            นั่นเป็นเรื่องที่จะเล่าในวันพรุ่งนี้นะอาห์เหม็ด เขาตอบ

            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น