บทที่
3
จากชากาเตย์ไปยังแคลิคัต
เมื่อผมกลับมาในบ่ายของวันถัดมา ลุงของผมมีความสุขมากที่ได้พบกับผม
‘อาห์ อาห์เหม็ด
หลานกลับมาอีกแล้วดีมากเลย’ เขายิ้ม
และเขาได้เริ่มเล่าเรื่องของเขาอีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับการเดินทางไปยังอินเดียของลุงในช่วงฤดูหนาวอันยาวนานนั้น
ผู้ครองเมืองชากาเตย์ได้มอบเสื้อโค้ตกันหนาว ม้าสองตัว อูฐสองตัว
และเงินเป็นจำนวนมาก พวกเราได้เดินทางลงใต้ไปยังนครซามาร์คันด์
เป็นนครที่มีสิ่งก่อสร้างสวยงามและสวนที่งดงามมหัศจรรย์ จากที่นั่นพวกเราก็ได้เดินทางไปยังภูเขาฮินดูกูช
ผู้คนมามายตายคากองหิมะของเทือกเขาที่มีชื่อเสียงแห่งนี้
ดังนั้นพวกเราจึงหยุดและรอให้สภาพอากาศที่เลวร้ายเปลี่ยนก่อน
นักเดินทางที่ดีนั้นจะพิจารณาสภาพอากาศอยู่เสมอนะอาห์เหม็ด เมื่อสภาพอากาศดีขึ้นแล้ว
พวกเราก็ตื่นแต่เช้าตรู่ของวันหนึ่ง
และไปอย่างช้าๆเหนือภูเขาที่หนาวเหน็บและอันตราย
ที่นั่นมีหิมะมากมายอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเรา และพวกเราต้องการวางเสื้อคลุมสำหรับเจ้าอูฐตัวใหญ่ของพวกเราให้เดินทางต่อไปได้
พวกเราไม่อยากให้พวกมันหยุดท่ามกลางหิมะและตายด้วยความหนาว
พวกเราทั้งหมดดีใจมากเมื่อภูเขาฮินดูกูชได้อยู่ข้างหลังเราแล้ว
หลังจากเวลาที่ผ่านยาวนานกว่าสี่เดือน
พวกเราก็ได้มาถึงตอนเหนือของอินเดีย และลุงได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่แปลกประหลาดจากที่นั่นด้วย
พวกเราอยู่ที่บนถนนมาแล้วหนึ่งวันเต็ม ตอนที่สัตว์ใหญ่ได้ออกมาจากต้นไม้
มันมีรูปร่างอ้วนท้วน ขาเล็ก และมีหัวใหญ่กับเขาที่ดูอันตรายบนหัวของมัน! เจ้าสัตว์ตัวนั้นได้กระโจนเข้ามาที่ม้าของเพื่อนลุง
แล้วมันก็ชนขาของม้าด้วยเขาของมัน เจ้าม้าตัวนั้นเกือบตาย
ต่อมาลุงก็ได้เรียนรู้ชื่อเจ้าสัตว์พิสดารตัวนั้นว่ามันคือ แรดนั่นเอง
พวกเราได้เดินทางไปยังเมืองที่เป็นบ้านของสุลต่านแห่งเดลี
ท่านมูฮัมหมัด ทัคห์ลัค ลุงได้รู้จักเขาคนนี้ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ซะอีก
เขาชอบผู้พิพากษาที่มาจากต่างแดน ดูสิอาห์เหม็ด
เหล่าสุลต่านมักต้องการคนที่มาจากแดนอื่นเพื่อช่วยงานพวกเขา
ในไม่ช้าลุงก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสุลต่านมากขึ้น
มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการมาถึงที่เมืองเดลีโดยมีเครื่องบรรณาการอันล้ำค่าให้ท่านด้วย
จากนั้นท่านจะมอบของกำนัลที่เลิศกว่าและเงินจำนวนมหาศาลเป็นการตอบแทน และสุดท้ายผู้นั้นจะได้เป็นผู้ที่ร่ำรวยกว่าเดิม!
ดังนั้นลุงจึงมอบม้าสามสิบตัว และอูฐอีกสามตัวแด่ท่านสุลต่าน
จำไว้นะอาห์เหม็ด เมื่อหลานได้พบปะกับผู้ครองเมืองคนใหม่ จะต้องมีเครื่องบรรณาการไปด้วยเสมอ!
เมื่อพวกลุงมาที่เมืองเดลีเป็นครั้งแรก
สุลต่านไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่เมื่อท่านได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับลุงแล้ว ท่านจึงตั้งให้ลุงเป็นหนึ่งในผู้พิพากษาของท่าน
ตอนนั้นลุงได้เป็นทั้งเศรษฐีและบุคคลสำคัญเลยเชียวล่ะ ลุงเคยเป็นอย่างนั้น
แน่นอนลุงตื่นเต้นที่จะได้พบกับท่านเมื่อท่านได้กลับมาจากพระตำหนัก บ้พระตำหนักของท่านนั้นใหญ่โตมโหฬาร
และลุงต้องการที่จะเดินผ่านเข้าตรงประตูหลังจากที่ประตูห้องของท่านเปิด
ท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ทองคำกับเหล่าทหารคุ้มกันของท่าน ท่านจับมือลุง และบางช่วงท่านพูดอย่างอบอุ่นกับลุงอีกด้วย
ในวันถัดมา
ลุงได้ไปบนถนนในเดลีด้วยม้ากับท่านสุลต่าน พร้อมเหล่าทหารของท่าน
ผู้ชายส่วนใหญ่อยู่บนหลังช้างและมาหลังพวกเรา พวกเขาโปรยทองและเงินลงสู้พื้นถนนเมื่อพวกเขาได้ผ่าน
และผู้คนต่างกรูเข้ามาที่นี่และคว้ามัน!
ท่านสุลต่านสามารถเขียนได้อย่างสวยงาม
และสามารถพูดสี่ภาษาที่แตกต่างกันได้ แต่ท่านมักจะมีอารมณ์เกรี้ยวกราดเช่นกัน
ทุกวันที่ท่านได้ไตร่ถามทหารของท่านเพื่อสังหารผู้คน แม้บางครั้งเป็นเรื่องที่เล็กน้อยก็ตาม
ลุงจำเป็นจะต้องระวังเป็นอย่างมากเลยล่ะ
เป็นเวลาสองปี
งานของลุงกำลังไปได้ราบรื่น แต่จากนั้นท่านสุลต่านเริ่มมีปัญหากับศัตรูของท่าน
ผู้ปกครองดินแดนใกล้กับเมืองเดลีได้ปะทะกับท่าน
แล้วอะไรคือสิ่งที่ท่านทำเมื่อเจอกับศัตรูของท่านล่ะ
ใช่ ท่านสุลต่านมูฮัมหมัด
มีช้างอยู่มากมายหลายเชือก และท่านได้เลือกมาส่วนหนึ่งจากโขลงนั้นและติดมีดเล่มใหญ่บนงาของพวกมัน
จากนั้นจัดให้ศัตรูของท่านอยู่หน้าโขลงช้าง จะสัตว์เหล่านั้นจะเล่นกับคน
พวกมันขยับมีดขึ้นลง และได้เฉือดเฉือนชิ้นส่วนร่างกายจนแหวกออก เขาตาย แน่นอนล่ะ
และมันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากสำหรับพวกเราที่ได้ดูมัน
ลุงพาภรรยา หญิงสาวที่เลอเลิศ
มาอาศัยอยู่ที่บ้านของลุงในเดลี แต่ต่อจากนั้นพ่อตาของลุงได้เริ่มทะเลาะกับท่านสุลต่าน
มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยเพราะว่าผู้คนเริ่มว่าร้ายลุง พวกเขาพูดกันประมาณว่าลุงก็เป็นศัตรูกับท่านสุลต่านเช่นกัน
ต่อจากนั้นได้มีบางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้น
นักบุญผู้มีชื่อเสียง ชีคห์ ชิฮาบ อัล-ดิน ผู้อาศัยอยู่บนเนินเขาใกล้กับเมืองเดลี
ลุงสนใจในตัวเขามาก และบ่อยครั้งก็ได้ไปเยือนที่บ้านของเขา
แต่ท่านสุลต่านมูฮัมหมัดโกรธชีคห์
ชิฮาบ อัล-ดินมาก ท่านไตร่ถามนักบุญเพื่อจะทำสิ่งที่แตกต่างบ้าง แต่ชีคห์ ชิฮาบ
มักจะปฏิเสธท่านว่า ‘ไม่’ ฉะนั้นในตอนท้ายท่านสุลต่านก็ได้ไปสังหารนักบุญผู้นั้น
เมื่อท่านถามเกี่ยวกับมิตรสหายของนักบุญนั้น เหล่าผู้คนต่างส่งชื่อลุงให้ท่าน! ‘ท่านจะโกรธลุงหรือเปล่า’
ลุงคิด ‘ลุงจะทำอย่างไรดี ลุงไม่อาจหนีท่านไปได้พ้น
เพราะว่าต่อจากนั้นเหล่าทหารของท่านจะมาสังหารลุงเช่นกัน’
ลุงกลัวมาก ลุงไม่ทานอาหารและดื่มได้เพียงแค่น้ำเท่านั้น
ในตอนสุดท้ายลุงได้ออกจากเมืองเดลีและพักกับหลากหลายนักบุญเป็นเวลาห้าเดือน ลุงได้ให้ของมีค่าและเสื้อผ้าสวยงามทั้งหลายไป
และอฐิษฐานจากกลางวันจนถึงกลางคืน
ต่อมาวันหนึ่ง
เหล่าทหารของท่านสุลต่านได้มาหาลุงพร้อมกับม้าและเสื้อผ้าชุดใหม่ พวกเขากล่าวว่า‘ท่านสุลต่านต้องการที่จะพบท่าน’
ลุงสวมชุดใหม่ที่ได้กลับไปที่เดลี และนั่งตรงหน้าท่านสุลต่าน
‘อิบนู บัตตูตา
เจ้าจะเป็นคนของข้าในเมืองจีน!’ ท่านยิ้ม ‘ข้ามีผู้มาเยือนที่นี่จากจีนสิบห้าคน กลับไปเมืองจีนกับพวกเขา และมอบเครื่องบรรณาการจากข้าแก่ผู้ปกครองที่นั่น’
ลุงไม่สามารถพูดว่า ‘ไม่’ กับท่านสุลต่านได้เลย
และแน่นอนว่าลุงอยากไปเห็นเมืองจีน แต่ที่สำคัญมากคือลุงก็จะสามารถหนีรอดออกมาจากท่านสุลต่านได้
ดังนั้นลุงจึง ‘ตกลง’ ทันที
ลุงจากเมืองเดลีมากับกองคาราวานพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการที่จะมอบให้ผู้ปกครองเมืองจีน
นั่นคือม้าจำนวนมากและถุงที่เต็มไปด้วยทอง ภรรยาและลูกสาวตัวน้อยของลุงก็มาด้วยเช่นกัน
พวกเรามีเหล่าทหารนับพันที่ยอดเยี่ยมที่สุดของท่านสุลต่านคุ้มกัน
นั่นเป็นเรื่องดีมาก เนื่องจากสี่วันหลังจากนั้น
พวกเราได้พบกับเหล่าทหารของสุลต่านฝ่ายศัตรูราวสี่พันนาย!
พวกเราต่อสู้และฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด แต่จากนั้นไม่นานลุงก็มีอุปสรรคเพิ่มขึ้น
บ่ายวันหนึ่ง ลุงได้เดินไปบนภูขึ้นเขาที่ห่างไกลจากกองคาราวาน ทันใดนั้นเองโจรก็ออกมาจากด้านหลังหินก้อนใหญ่
พวกมันต้องการจะเอาเสื้อผ้าราคาแพงของลุงไป และจะฆ่าลุงด้วย แน่ล่ะ
ลุงยังไม่อยากตายดังนั้นลุงจึงเล่าเรื่องต่างๆให้พวกมันฟัง
และให้เสื้อผ้าทั้งหมดไป เมื่อรุ่งขึ้นลุงเป็นอิสระแต่ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่
มีแค่เพียงกางเกงขายาวตัวเดียวเท่านั้น!
หนึ่งวันเต็มที่ลุงเดินบนภูเขาโดยไม่มีใครช่วยเหลือ
บางครั้งลุงก็เห็นโจรอีก แต่ลุงหนีไปที่หลังก้อนหินและต้นไม้อย่างรวดเร็ว
และพวกมันไม่เห็นลุง ในช่วงสุดท้ายนั้น ลุงทั้งเหนื่อย หนาวสั่น และหิวโหย
วันหนึ่งนักเดินทางที่ดีได้พบลุงเข้า และเขาได้พาลุงไปยังหมู่บ้านถัดไปจากที่นี่ ลุงได้มีมื้อเย็นที่ดีที่สุดในโลกที่นั่น
และมันเยี่ยมมากที่ได้สวมเสื้อผ้าอุ่นๆด้วย
สองวันต่อมาลุงได้พบกับกองคาราวานอีกครั้ง ภรรยาและลูกสาวตัวน้อยมีความสุขมากที่ได้พบลุง
พวกเราเดินทางไปยังเมืองแห่งแคมเบย์
และบรรทุกของเครื่องบรรณาการบนเรือสี่ลำ จากนั้นพวกเราก็แล่นเรือลงใต้สู่เมืองแคลิคัต
และจัดตั้งทุกสิ่งทุกอย่างบนเรือสำเภาลำใหญ่สามลำ
ลุงได้ไปที่มัสยิดบ่ายวันนั้นและอฐิษฐานเพื่อให้การเดินทางราบรื่น
แต่ก่อนที่ลุงจะได้ขึ้นเรือ
มีบางอย่างที่เลวร้ายได้เกิดขึ้น! ทันใดนั้นสภาพอากาศก็เปลี่ยนไป
และลมก็กรรโชกให้เรือของเราสองลำชนกันกับหินตรงชายฝัง พวกเราสูญเสียทุกสิ่ง
ทั้งเครื่องบรรณาการ ผู้คนและสัตว์ ส่วนเรือลำที่สามนั้นกับภรรยาและลูกอยู่บนนั้นได้ลอยล่องออกไป
และไม่เคยเห็นเรือหรือพวกเขาอีกเลย
ลุงอยากกลับไปหาท่านสุลต่านและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ให้ท่านฟัง แต่ลุงกลัว
เมื่อท่านโกรธท่านมักจะสังหารผู้คน
‘งั้น
ลุงได้กลับไปยังเมืองเดลีหรือเปล่าครับลุง’ ผมถาม
‘หลานสามารถฟังเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นได้ในวันพรุ่งนี้นะอาห์เหม็ด’ เขายิ้ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น