บทที่
1
เริ่มต้นการเดินทาง
ครั้งนั้นลุงของผมนามว่า อิบนู
บัตตูตาได้นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างในบ้านของเขาที่อยู่ในเมืองแทนเจียร์
มันเป็นช่วงที่ร้อนจัดของวันนั้นและดวงตาของเขาเปิดแค่ครึ่งหนึ่ง
แล้วผมก็ได้เข้าไปในห้องนั้น
‘คุณลุงครับ’ ผมเอ่ยด้วยเสียงเบา แล้วทันใดนั้นเขาก็มองขึ้นมา
‘อ๋อ อาห์เหม็ด
หลานนั่นเอง’ ลุงยิ้ม
‘ใช่ครับลุง’ ผมตอบ ‘วันนี้ลุงช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเดินทางของลุงให้ผมฟังหน่อยได้ไหม
ได้โปรดเถอะครับ ผมอยากท่องเที่ยวเหมือนกัน เมื่อผมมีอายุมากว่านี้’ ผมพูด
‘แน่ในหรือหลาน’ ลุงตอบ จากนั้นเขาก็องผมอย่างระแวดระวัง ‘ตอนนี้หลานอายุเท่าไหร่ล่ะ’ แม้ว่าเขาจะสามารถจำสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดูแล้วน่าจะไม่ดีนัก
‘ผมอายุสิบเอ็ดปีครับ’ ผมพูด
‘อืม… เป็นไปได้ว่าในสี่หรือห้าปีข้างหน้า
หลานอาจจะสามารถเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวได้
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยรู้หรือเปล่า หลานสามารถเห็นเมืองและนครที่มหัศจรรย์มากมาย
ได้พบปะกับผู้คนที่น่าสนใจ และได้ทำสิ่งที่น่าตื่นเต้น
แต่มันก็เป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายด้วยเช่นกัน หลานอาจจะเจ็บป่วย
เจอสัตว์ใหญ่ที่หิวกระหายหรือเงินทองของหลายอาจจะหายไปหมด’
‘ไม่จริงน่าลุง!’ ผมพูด ตาทั้งสองของผมเบิกกว้าง
‘จริงสิ
อาห์เหม็ด’ เขาตอบ ‘แต้ถ้าหลานได้ฟังเรื่องราวของลุงแล้ว
บางทีหลานอาจจะสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่กลับมาได้’ เขาหัวเราะ
‘เอาล่ะ ตอนนี้เราจะเริ่มจากตรงไหนดี’
ผมนั่งลงพร้อมที่จะฟังเขา
ทุกครั้งที่ลุงของผมเล่าเรื่องราวของเขา มันเป็นเรื่องราวที่แตกต่าง แปลกใหม่
และน่าสนใจอยู่เสมอ
‘ลุงเกิดที่นี่ในเมืองแทนเจียร์’ เขาเริ่ม ‘แต่แน่นอนว่าหลานคงรู้เรื่องนี้’ เขายิ้ม ‘พ่อและปู่ของลุง
ก่อนหน้านั้นได้เป็นผู้พิพากษา
ดังนั้นลุงจึงร่ำเรียนวิชาเพื่อที่เป็นผู้พิพากษาเช่นเดียวกัน
เมื่อหลานได้เป็นผู้พิพากษาแล้ว มันมาใช่เรื่องยากที่หลานจะเดินทาง หลานจะได้เป็นคนที่สำคัญเห็นไหม’
‘ใช่ครับ’ ผมตอบ ‘บางสักวันหนึ่ง
ผมจะเป็นผู้พิพากษาให้ได้เหมือนกันครับ’
‘อาจเป็นไปได้’ เขายิ้ม ‘การเดินทางครั้งแรกของลุงคือ
การเดินทางไปแสวงบุญที่เมืองมักกะห์ ลุงได้ขี่ลาและพูด “ลาก่อน” กับพ่อแม่ของลุงในเมืองแทนเจียร์เมื่อลุงอายุ 21 ปี
แม่ของลุงร้องไห้ด้วย’
‘หลังจากนั้นซักวันหนึ่ง’ ‘ในการเดินทาง ลุงมาที่เมืองแอลเจียร์
ที่นี่ลุงได้พบกับนักแสวงบุญและพวกลุงที่เมืองคอนสแตนทีน
ซึ่งลุงได้พบกับผู้ครองเมืองที่ร่ำรวยของที่นั่น
เขามองมาที่เสื้อโค้ตที่สกปรกและเก่าของลุง แล้วเขาก็ยิ้มและมอบเสื้อตัวใหม่ที่สวยงามให้กับลุงด้วย!’
‘เขาให้ทำไมครับ’ ผมถาม
‘คนดีจะช่วยผู้คนเมื่อเขาต้องการให้ช่วย
หลังจากนั้นซักวันสองวัน ลุงได้ออกจากเมืองคอนสแตนทีนกับผู้แสวงบุญคนอื่นๆ
พวกเราไม่เคยหยุดเดินทางเลย เพราะพวกเราหวาดกลัว
คิดว่าอาจจะมีบางคนมาเอาเงินไปขณะที่พวกเราหลับอยู่ แต่ไม่นานนักลุงก็ล้มป่วย
ลุงอยากจะนอนแล้วตายเสียตรงนั้นให้ได้ แต่เหล่าเพื่อนๆของลุง
วางลุงบนหลังลาแก่ของลุง และตีมันจากด้านหลังเพื่อให้มันลงไปบนถนนอย่างรวดเร็ว’
‘และในตอนนั้นลุงเคยอยากกลับบ้านบ้างหรือเปล่าครับ’
‘แน่นอนสิ’ เขายิ้ม ‘แต่ลุงก็เดินทางไปยังตูนิส
นักเดินทางที่ดีจะไม่หยุดง่ายๆหรอก’
‘ลุงจากเมืองตูนิสมากับกองคาราวานของผู้แสวงบุญ
พวกเขาถามลุงว่า “ท่านจะเป็นผู้พิพากษาประจำกองคาราวานของพวกเราได้หรือไม่”
แน่นอนลุงตอบ “ตกลง” ผู้พิพากษาประจำกองคาราวานเชียวนะ มันเป็นงานที่ไม่เลวเลยสำหรับคนหนุ่มๆอย่างลุง
เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงเมืองอเล็กซานเดรีย ลุงตื่นเต้น
ลุงอยากจะเห็นฟาโรสอันโด่งดังที่นั่น’
‘ผมก็รู้จักครับ’ ผมพูดอย่างรวดเร็ว ‘เมื่อก่อนเป็นประภาคารที่ยิ่งใหญ่
ลุงได้ขึ้นไปด้านบนประภาคารหรือเปล่าครับ’
‘เปล่า’ เขาหัวเราะ ‘ตอนนั้นฟาโรสได้เป็นซากปรักหักพังไปแล้วล่ะ
ที่นั่นไม่มีอะไรให้เราดูมากนัก แต่ไม่ไกลจากเมืองอเล็กซานเดรีย
ลุงได้พบกับนักบุญคนหนึ่งที่มีนามว่า เบอฮาน-อัล-ดิน
เขาสามารถมองเห็นอนาคตได้ด้วยล่ะ’
‘และเขาได้บอกอะไรกับลุง
รู้ไหม’ “ท่านจะได้แวะไปยังอินเดีย จีน และในการเดินทางของท่านนั้น
ท่านจะได้พบกับเพื่อนเก่ามากมาย” ลุงมีความสุขกับเรื่องนี้มาก ลุงคิดว่า
“ข้ากำลังจะไปในที่อันไกลโพ้น”
‘แล้ว
สุดท้ายแล้วลุงก็ได้ไปที่อินเดียและจีนหรือครับ’
‘รอดูก่อน
อาห์เหม็ด’ รอยยิ้มถูกส่งมาจากลุงของผม ‘ลุงมาถึงเมืองไคโรภายในเวลาแปดเดือนหลังจากที่ลุงจากบ้านมาครั้งแรก
เมืองอะไรจะใหญ่โตขนาดนี้และเต็มไปด้วยด้วยผู้คน พวกเขาเร่งรีบไม่เคยหยุด
ทั้งกลางวันและกลางคืนและใกล้เมืองไคโรนั้นจะมีพีระมิด
ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างสำหรับผู้ปกครองอียีปต์เมื่อนานมาแล้ว’
‘และพวกนั้นก็กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วใช่ไหมครับ’ ผมถาม
‘ไม่
ไม่ใช่กับพีระมิดแน่นอน!’ เขายิ้ม ‘ถัดไป
ลุงก็ได้เดินทางขึ้นไปที่แม่น้ำไนล์ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางต่อด้วยอูฐ
แม้ว่าทะเลทรายจะร้อนระอุ ที่นั่นเต็มไปด้วยไฮยีน่าที่หิวกระหาย
และพวกเราจำเป็นจะต้องอยู่อย่างระมัดระวังในเวลากลางคืน’
‘แน่นอนครับ’ ผมร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
‘มีอยู่คืนหนึ่ง
มีไฮยีน่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งเข้ามาและคุ้ยทุกอย่างจากกระเป๋าของลุง’ เขาพูด ‘แต่ในไม่ช้าเราก็ได้ออกจากทะเลทราย
จากนั้นลุงก็ได้เดินทางไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเยรูซาเล็มและแวะตึกที่มีชื่อเสียงของที่นั่น
ต่อจากนั้นลุงก็ไปที่ดามัสกัส เมืองอะไรจะสวยขนาดนั้น! แล้วลุงก็เดินทางไปที่อาระเบียและแวะที่เมืองเมดินา
และจบลงด้วยการมาถึงเมืองมักกะห์’
‘หลังจากเดินทางมาปีครึ่ง
มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์นักที่ได้มาถึงเมืองแห่งการแสวงบุญ
ลุงได้เรียนรู้จากนักบุญและอฐิษฐานที่นั่นเป็นเวลาสามสัปดาห์’
‘แล้วหลังจากนั้นลุงก็กลับบ้านใช่ไหมครับ’ ผมถาม
‘เปล่า
ทุกคืนลุงคิดถึงนักบุญเบอฮาน-อัล-ดินคนนั้น คิดถึงอินเดียและจีน ลุงจะเป็นนักเดินทางที่แท้จริงให้ได้
และลุงไม่ต้องการจะหยุดด้วย’
‘ดังนั้น
ลุงจึงจากเมืองมักกะห์มากับผู้ปกครองกองคาราวานของเปอร์เซียเมื่อตอนที่ลุงเป็นเด็ก
ลุงได้ฟังเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับเมืองมหัศจรรย์ที่ใกล้กับที่นั่น
แต่ในการเดินทางของ ลุงได้เห็นบางอย่างที่ต่างออกไปมาก เมื่อปีก่อนพวกมองโกลได้มาที่เมืองนี้
พวกเขาได้เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย ลุงได้เห็นบ้านที่เป็นซากปรักหักพังจากที่นั่น’
‘บางทีเมืองที่น่าสนใจที่สุดในการเดินทางครั้งนั้น
น่าจะเป็นเมืองวาสิทซึ่งจะมีกลุ่มคนที่ไมมีเงินจำนวนมากอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่
ในช่วงเย็นพวกเขาจะอฐิษฐานและกินมื้อเย็นพร้อมกัน
หลังจากนั้นพวกเขาจะนั่งใกล้กองไฟใหญ่และเล่าเรื่องกันทันใดนั้นมีหนึ่งในกลุ่มคนนั้นเดินเข้าไปในกองไฟ!
แล้วพวกเขาก็กินลูกไฟเข้าไป
และมีคนหนึ่งเขาจับหัวงูเข้าไปในปากของเขาและกินมันทั้งเป็น!’
‘แล้วลุงเห็นมันทั้งหมดหรือเปล่าครับ’ ผมร้อง
‘แน่นอนสิ’ เขาหัวเราะ ‘ลุงได้แวะไปยังหลากหลายเมืองที่น่าสนใจหลังจากนั้น
แต่ลุงก็ไม่เคยเห็นคนที่กินลูกไฟและงูอีกเลย’
‘จากนั้นลุงได้ไปที่แบกแดด
มันเป็นเมืองที่น่าอัศจรรย์นัก แต่ลงก็ล้มป่วยลงที่นั่น
ดังนั้นไม่นานพวกเราก็กลับไปยังเมืองมักกะห์
ลุงได้เรียนรู้จากนักบุญและอฐิษฐานที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปีและลุงค่อยๆมีอาการที่ดีขึ้น’
‘แล้วลุงจะทำอะไรต่อไปครับ’ ผมถาม
‘ลุงได้เดินทางโดยทะเลเป็นครั้งแรก
มันเป็นการเดินทางที่แย่ที่สุดเลยล่ะหลาน’ เขาพูด ‘หลานจะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดในวันพรุ่งนี้’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น